ทำไม“อารียาเมตายา”ถึงเป็นบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม?
.
หากให้ตอบผู้ที่เคยอ่านหนังสือ“อารียา เมตายา”มาแล้ว เราคงจะตอบสั้นๆว่าจิตวิญญาณภายในสั่งให้เราทำเช่นนั้น ซึ่งเชื่อมั่นว่าทุกคนจะเข้าใจเรื่องนี้ดี แต่คงไม่ใช่กับบุคคลทั่วไปที่ยังไม่เคยอ่านและรู้เพียงแค่ว่ามีบริษัทชื่อเดียวกับหนังสือ ซึ่งเป็นหนังสือประเภทนิยายแฟนตาซีผสมจินตนาการเพ้อฝัน โดยมีการก่อตั้งองค์กรนี้จากกลุ่มผู้อ่านเพื่อดำเนินการบางอย่าง โดยพ่วงท้ายด้วยคำว่าวิสาหกิจเพื่อสังคม พวกเขาคงจะเกิดความสงสัยและต้องการคำอธิบายอยู่พอสมควร
…
เบื้องต้นขออนุญาตชี้แจงเจตจำนงค์ที่เป็นเป้าหมายสูงสุดของกลุ่มผู้ก่อตั้งองค์กรเพื่อทำความเข้าใจในวัตถุประสงค์ก่อน “เราจะสร้างอารยธรรมแห่งความเมตตา” ซึ่งประโยคนี้ก็เป็นการขยายความและอธิบายความหมายของชื่อ“อารียา เมตายา”ไปด้วยในตัว และนี่คือพันธกิจที่เป็นแรงบันดาลใจของพวกเราทุกคน คำถามถัดมาคือทำไมเราถึงต้องการ “สร้างอารยธรรมแห่งความเมตตา” เหตุผลเดียวคือเพราะเราไม่เชื่อในวิถีของอารยธรรมเดิมที่กำลังใช้กันอยู่ในปัจจุบันว่าจะสามารถนำพาให้โลกอยู่รอดต่อไปได้ เราปล่อยให้พวกเขาดำเนินการมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว ผลก็คือโลกกำลังดำดิ่งสู่ความหายนะ สรุปคืออารยธรรมเดิมถูกขับเคลื่อนโดยผู้คนที่มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวเอาแต่ได้หรือเรียกว่า“ความโลภ” ซึ่งการจะแก้สมการนี้จะต้องใช้ขั่วตรงข้ามกับความโลภนั่นคือการให้,การแบ่งปันหรือ“ความรัก”เท่านั้น
…
อย่างที่หลายๆท่านเข้าใจดีว่าจุดเริ่มต้นของการสร้างความเปลี่ยนแปลงต้องเริ่มจาก“คน”ซึ่งหัวใจสำคัญของคนคือ “จิตสำนึก” ที่ผ่านมาบางท่านอาจจะเคยได้ยินว่าโลกกำลังเดินทางเข้าสู่มิติที่5 ซึ่งสองเรื่องนี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยนั่นคือ“โลก”หมายถึงประชากรส่วนใหญ่ซึ่งกำลังจะได้รับการเลื่อนลำดับ แต่ความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ยังอยู่ในทัศนคติแบบเก่า คือยังมองทุกสิ่งทุกอย่างแบบเดิมเช่น มองแค่ผลประโยชน์ มองแค่กำไร มองแค่ให้ตัวเองรอด สิ่งอื่นนอกจากนี้ไม่สนใจไม่ว่าจะเกิดผลกระทบด้านใด ด้านสิ่งแวดล้อม, สังคม, วิถีชีวิต, ศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของคุณค่าและความหมายของการมีชีวิต รวมๆเราสามารถจะเรียกกลุ่มคนที่มีทัศนคติแบบเก่านี้ได้ว่าเป็นคนมิติที่3
…
การจะอธิบายเรื่องเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของคุณค่าและความหมายของชีวิตกับคนที่เป็นประชากรส่วนใหญ่นั้นถือว่าเป็นเรื่องยาก คนที่ไม่เข้าใจต่อให้อธิบายอย่างไรก็ไม่เข้าใจเหมือนเราอยู่กันคนละมิติจริงๆ ส่วนคนที่เข้าใจแล้วบางครั้งไม่ต้องอธิบายอะไรเลยเพราะเขาทำในสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิตอยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่คนกลุ่มที่ว่านี้มีอยู่เพียงน้อยนิดเมื่อเทียบกับทั้งหมด ดังนั้นการจะปลูกฝังเรื่องนี้โดยเฉพาะกับคนที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนโลกเช่น เป็นผู้ประกอบการ ผู้ผลิต รวมถึงผู้บริโภค จึงไม่สามารถใช้ยุทธศาสตร์การทำความเข้าใจอย่างเช่นการอบรม,การรณรงค์,การเผยแพร่ความรู้เพื่อปรับทัศนคติ ฯลฯ อย่างที่เคยใช้มาได้
…
ยุทธศาสตร์ใหม่จึงถูกเลือกนำมาใช้เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของเรานั่นคือ การสร้างระบบและค่านิยมใหม่ผ่านเครื่องมือและกลไกต่างๆทางสังคมเพื่อให้ผู้คนโดยเฉพาะกับประชากรส่วนใหญ่ของโลกได้นำไปใช้งาน โดยที่เขาอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอยู่ ให้เขาได้ทำผ่านกระแส ผ่านกลไกการดำรงค์ชีพโดยสอดแทรกคุณค่าต่างๆเช่น ใครทำอะไร, ทำจากไหน, ทำด้วยกรรมวิธีอย่างไร, สิ่งนั้นสร้างคุณค่าคุณประโยชน์ต่อสังคมต่อโลกด้านใดบ้าง และสุดท้ายสามารถนำพาให้เขาก้าวไปสู่ความหมายที่แท้จริงของการมีชีวิต ชีวิตที่ไม่ใช่แค่การเอาตัวเองรอด ชีวิตที่ไม่ใช่แค่การ“เอา” แต่เป็นชีวิตที่ประกอบด้วย“การให้”และ“การแบ่งปัน” ซึ่งสิ่งนี้จะถือว่าเป็นค่านิยมมวลรวมใหม่ของโลกที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือที่เราเรียกสั้นๆว่าโลกมิติที่5หรือโลกยุคศิวิไลซ์
.
บริษัท อารียา เมตายา (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ได้ถือกำเนิดขึ้นในเดือน กุมภาพันธ์ 2560 และได้รับการรับรองให้เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมจากกระทรวงพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2561 จากการดำเนินงานที่ผ่านมาเรามีโครงการต่างๆมากมายภายใต้ความร่วมมือกับเครือข่ายและผู้ที่เล่งเห็นประโยชน์สูงสุดกับสังคม เช่น
1.โครงการพัฒนาระบบซอฟแวร์เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมแห่งการให้และการแบ่งปันผ่านแอพพลิเคชั่น Wholay ท่านสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกอารยธรรมใหม่โดยการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นนี้ได้ที่ Appstore และ Google Play
2.โครงการพัฒนาระบบการเกษตรที่จะดูแลตั้งแต่ผู้ผลิตจนถึงผู้บริโภค, ตั้งแต่คุณค่าผลผลิตจนถึงคุณค่าทางสังคม ภายใต้แพล็ตฟอร์มชื่อ Meta Bio
3. โครงการชุมชนอารียาเมตายา ซึ่งเป็นชุมชนต้นแบบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อรองรับประชากรใหม่ในวิถีแห่งการให้และการแบ่งปัน, วิถีที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ในทุกๆมิติทางสังคม และวิถีที่ต้องการเห็นความโปร่งใสบริสุทธิยุติธรรมให้ปรากฏอย่างเป็นรูปธรรม โดยเป้าหมายสูงสุดคือเราจะสร้างชุมชนเหล่านี้ให้มากที่สุดเพื่อให้นำสันติสุขกลับคืนมาสู่โลกใบนี้อย่างแท้จริงและเพื่อเป็นไปตามเจตจำนงค์ที่ตั้งไว้ตั้งแต่แรกของกลุ่มนั่นคือ “เราจะสร้างอารยธรรมแห่งความเมตตา”
…
คำถามที่ว่าทำไม“อารียา เมตายา”จึงมีสถานภาพเป็นบริษัทจำกัดและเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร เป็นองค์กรที่ดำเนินกิจการด้วยเจตนารมณ์เพื่อสร้างประโยชน์กับสังคมในทุกๆมิติ คงจะเป็นความเหมาะสมที่สุด ณ เวลานี้ การเลือกก่อตั้งองค์กรวิสาหกิจเพื่อสังคมนี้จึงเป็นไปเพื่อความโปร่งใสตรงไปตรงมา เพื่อความยั่งยืนในการบริหารจัดการด้วยตัวเอง เป็นกลไกการขับเคลื่อนองค์กรที่ไม่ได้พึ่งพาการบริจาคเพียงอย่างเดียว เป็นองค์กรที่ไม่ได้มีใครคนใดคนหนึ่งมีอำนาจเบ็ดเสร็จ นี่เป็นเพียงความพยายามเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับภารกิจนี้ อนาคตอาจจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและสุดแล้วแต่ว่าจิตวิญญาณภายในจะเห็นสมควร
…
เอกสารแนบรายงานผลการดำเนินงาน บริษัท อารียา เมตายา วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ประจำปี 2563 ตามลิ้งค์นี้